Last updated: 11 มิ.ย. 2567 | 1311 จำนวนผู้เข้าชม |
เฉิงตู เป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน และยังเป็นศูนย์กลางความเจริญในภูมิภาคนี้ด้วย ขึ้นชื่อเรื่องศิลปวัฒนธรรม อาหาร และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีวัดวาอาราม สถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ และแหล่งช้อปปิ้งมากมาย การเดินทางก็สะดวกสบาย จึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายยอดฮิตที่คนไทยนิยมกันมาก สำหรับใครที่กำลังจะเดินทางไป ทัวร์เฉิงตู วันนี้เราได้รวบรวม 15 ที่เที่ยวเฉิงตู มาฝาก ตามไปดูกันเลย
1.ภูเขาสี่ดรุณี (Siguniangshan)
ภูเขาสี่ดรุณี เป็นหนึ่งในที่เที่ยวที่กำลังมาแรง ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ อยู่ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 220 กิโลเมตร ได้ฉายาว่าเป็น “ภูเขาแอลป์แห่งแผ่นดินจีน” ด้วยลักษณะที่เป็นยอดเขาสูงชัน และมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี เหมือนกับเทือกเขาแอลป์ในยุโรป สาเหตุที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะประกอบไปด้วยภูเขา 4 ลูก ได้แก่ ต้ากูเหนียงซาน ที่มีความสูงมากที่สุด อยู่ที่ 6,250 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตามมาด้วย เออร์กูเหนียงซาน, ซานกูเหนียงซาน และซื่อกูเหนียงซาน ที่มีความสูงลดหลั่นกันลงมา มีเส้นทางท่องเที่ยวให้เลือกหลากหลาย ชวนให้เพลิดเพลินไปกับความสวยงามของธรรมชาติรูปแบบต่างๆ ที่ถูกรวมไว้ในที่เดียว
2. ทะเลสาบเตี๋ยซี (Diexi Lake)
ทะเลสาบเตี๋ยซี อยู่ระหว่างเส้นทางจากเฉิงตูไปจิ่วจ้ายโกว ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นหมู่บ้านมาก่อน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1978 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และทำให้ทั้งหมู่บ้านจมหายไป จึงกลายเป็นทะเลสาบสีเขียวเทอร์ควอยซ์ ที่มีผิวเรียบราวกับกระจกใสอย่างเช่นทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาชมทัศนียภาพอันสวยงาม และถ่ายรูปคู่กับจามรีขนสีขาวสวย ซึ่งเป็นสัตว์ท้องถิ่นของที่นี่
3. จิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou)
จิ่วจ้ายโกว ที่เที่ยวเมืองเฉิงตู ยอดฮิต แหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ของจีน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดย UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1992 เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติที่อยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 400 กิโลเมตร ถูกขนานนามให้เป็น “สวรรค์บนดิน” เพราะมีธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ ทั้งเทือกเขา น้ำตกขนาดใหญ่ ลำธารที่ไหลคดเคี้ยว และทะเลสาบอีกหลายแห่ง วิวสวยอลังการ สามารถเที่ยวชมได้ทุกฤดู แต่ฤดูที่สวยที่สุดคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ประมาณเดือนตุลาคม และในช่วงฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยหิมะสีขาว
4. อุทยานแห่งชาติหวงหลง (Huanglong Scenic Valley)
อุทยานแห่งชาติหวงหลง หรือ หุบเขามังกรเหลือง อยู่ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 369 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม โดยมีจุดเด่นคือลำธารที่ไหลมาจากภูเขาสูง เกิดการตกตะกอนและจับตัวกัน จนกลายเป็นแอ่งเล็กใหญ่ลดหลั่นลงมากกว่า 4,000 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้สีเขียวชอุ่ม และมีฉากหลังเป็นภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปชมทิวทัศน์อันสวยงามด้านบนได้ เป็นที่เที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่แนะนำจะเป็น เดือนกันยายน-ตุลาคม เพราะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
5. อุทยานแห่งชาติปี้ผิงโกว (Bipenggou National Nature Reserve)
อุทยานแห่งชาติปี้ผิงโกว อยู่ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 200 กิโลเมตร เป็น ที่เที่ยวเฉิงตู ที่อยากแนะนำสำหรับคนชอบเที่ยวธรรมชาติ และสายถ่ายรูป เพราะวิวสวยงามอลังการมาก นึกว่าอยู่สวิตเซอร์แลนด์ พื้นที่ของอุทยานกว้างขวางครอบคลุมถึง 600 ตร.กม. อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,000 เมตร ทะเลสาบกว้างๆ เหมือนถูกโอบกอดด้วยภูเขาหิมะ มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติ และกิจกรรมมากมาย ผู้สูงอายุก็สามารถมาเที่ยวได้ไม่ลำบาก เพราะมีบริการรถพาเที่ยวชมแวะส่งตามจุดต่างๆ ช่วงที่สวยที่สุดคือ ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่จะเต็มไปด้วยทิวทัศน์ของไม้เปลี่ยนสี ไปจนถึงฤดูหนาวในช่วงปลายปีและต้นปีถัดไป
6. ถนนโบราณจินหลี่ (Jinli Ancient Street)
มาเอาใจสายช้อปกันบ้าง เพราะ ถนนโบราณจินหลี่ เป็น ที่เที่ยวเฉิงตู ที่มีของขายเยอะ ตลอดเส้นทาง 550 เมตร มีร้านค้ามากมาย ส่วนใหญ่จะขายพวกสินค้าพื้นเมือง งานฝีมือ ภาพวาด ของฝาก และขนมต่างๆ มีศิลปินมาแสดงโชว์ต่างๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมจีนโบราณ ทั้งยังตั้งอยู่ติดกับ ศาลเจ้าสามก๊ก หรือ ศาลเจ้าขงเบ้ง (จูกัดเหลียง) ใครเป็นแฟนสามก๊กบอกเลยว่าไม่ควรพลาด ที่นี่ยังคงอนุรักษ์ตัวอาคารบ้านเรือนแบบโบราณเอาไว้ จึงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในกองถ่ายหนังจีนย้อนยุคเลยทีเดียว
7. วัดต้าสือ (Daci Temple)
วัดต้าสือ หรือที่คนไทยเรียกว่า วัดมหาเมตตา เป็นวัดเก่าแก่ที่ พระเสวียนจ้าง หรือ พระถังซำจั๋ง เคยจำพรรษาก่อนเดินทางไปชมพูทวีป มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,600 ปี และมีพื้นที่ใหญ่ถึง 120 ไร่ ภายในมีวิหารและอาคารหลายแห่ง บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ ส่วนใหญ่คนจะนิยมมาขอพร เดินเที่ยวชมวัด และบนถนนไท่กู๋หลีก็ยังมีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และร้านอาหารมากมาย เป็น ที่เที่ยวเมืองเฉิงตู ที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
8. พระใหญ่เล่อซาน (Leshan Giant Buddha)
พระใหญ่เล่อซาน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1996 เป็นพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูงถึง 71 เมตร ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง และใช้เวลาสร้างนานถึง 90 ปี โดยการเจาะภูเขาและแกะสลักริมผาให้เป็นองค์พระ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นจุดตัดของแม่น้ำ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำหมิ่นเจียง แม่น้ำชิงอี และแม่น้ำต้าตู้ ซึ่งมักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงสร้างพระพุทธรูปขึ้นเพื่อปกป้องให้ผู้ที่เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย
9. เขื่อนตูเจียงเอี้ยน (Dujiangyan Irrigation Project)
เขื่อนตูเจียงเอี้ยน เป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ถูกสร้างขึ้นมานานกว่า 2,000 ปี ถือเป็นระบบชลประทานเก่าแก่ที่สุดของโลก และยังเป็นเขื่อนชลประทานที่ใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค ผลิตกระแสไฟฟ้า เพาะพันธุ์สัตว์น้ำ ป้องกันอุทกภัย รวมถึงเป็น ที่เที่ยวเฉิงตู และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ให้คนมาเดินเล่น นั่งเล่น ออกกำลังกาย บรรยากาศร่มรื่นสวยงาม รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ และอย่าลืมแวะไปวัดใจที่จุดไฮไลต์อย่าง สะพานแขวนอันหลาน (Anlan Cable Bridge) กันด้วยนะ
10. ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า (Giant Panda Breeding Research Base)
เฉิงตูได้ชื่อว่าเป็น บ้านเกิดของหมีแพนด้า ซึ่งเป็นสัตว์สงวนหายาก เพราะธรรมชาติของแพนด้าจะมีลูกยากมาก เนื่องจากฤดูผสมพันธุ์มีเพียง 3 วันต่อปีเท่านั้น ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า จึงถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1987 เพื่อทำการค้นคว้าวิจัย ดูแล และเพาะพันธุ์แพนด้า รวมถึงสัตว์ป่าอื่นๆ ที่ใกล้สูญพันธุ์ เช่น แพนด้าแดง, ลิงจมูกเชิดสีทอง, นกกระเรียนคอดำ และอีกมากมาย มาที่นี่รับรองว่าได้ชมความน่ารักของน้องหมีแพนด้ากันจนเพลิน เพราะภายในศูนย์มีแพนด้ามากกว่า 80 ตัว มีโซนห้องอนุบาลแพนด้าแรกเกิด รวมทั้งมีพื้นที่เปิดโล่งให้แพนด้าได้เดินเล่น กินอาหาร ทำอิริยาบถต่างๆ ให้เราได้ชมอีกด้วย
11. สะพานอันชุน (Anshun Bridge)
สะพานอันชุน ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ 1746 เพื่อให้ประชาชนใช้ข้ามแม่น้ำจินเจียง แต่ถูกน้ำท่วมทำลาย จึงสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 2003 มีความยาวทั้งหมด 81 เมตร ปัจจุบันเป็น ที่เที่ยวเมืองเฉิงตู ที่คนนิยมมาถ่ายรูป เพราะเป็นสะพานเก่าแก่ที่มีลักษณะโดดเด่นคือ มีหลังคาทรงจีนอยู่ด้านบน สร้างตามแบบสมัยราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง มีการแกะสลักลวดลายอย่างงดงาม มีประติมากรรมรูปสัตว์ในตำนานาต่างๆ เช่น มังกร สิงโต และฟีนิกซ์ ตอนกลางคืนเปิดไฟสว่างไสว มีร้านค้าและร้านอาหารเปิดให้บริการตลอดริมฝั่งแม่น้ำ เหมาะมากสำหรับการปิดท้ายวัน มานั่งชมวิว เดินเล่น หาของอร่อยกิน ก่อนกลับโรงแรมไปพักผ่อน
12. วัดเหวินซู (Wenshu Monastery)
วัดเหวินซู เป็นวัดพุทธขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และเป็นศูนย์กลางสมาคมชาวพุทธของมณฑลเสฉวน เดิมเรียกว่า “วัดซินเซียง” แต่ถูกเปลี่ยนชื่อหลังมีการบูรณะวัดใหม่ในสมัยราชวงศ์ชิง ตัวอาคารยังคงความเก่าแก่โบราณ มีความงดงามและประณีตในทุกรายละเอียด ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และจัดแสดงภาพวาด รวมถึงโบราณวัตถุต่างๆ บริเวณรอบๆ มีร้านค้า ร้านขายอาหารและขนมมากมาย ด้านนนอกวัดมีซอกเล็กๆ วางขายธูปเทียน ดอกไม้ พลุ และรับพยากรณ์ดวงชะตา หลังไหว้พระก็ออกมาหาของอร่อยกินต่อได้ชิลๆ
13. พิพิธภัณฑ์เฉิงตู (Chengdu Museum)
สำหรับใครที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ขอแนะนำ พิพิธภัณฑ์เฉิงตู เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 11,333 ตร.ม. ภายในมีการจัดแสดง 3 นิทรรศการหลัก ได้แก่ Full Bloom of the Brocade City: History and Culture Display of Chengdu, ละครเงาและหุ่นกระบอกของจีน และ มนุษย์กับธรรมชาติ : การบริจาคจาก เคนเนธ อี. เบห์ริง รวมทั้งการจัดแสดงอื่นๆ อีกมากมาย เช่น หุ่นเชิด ภาพวาด วัตถุโบราณ รวมแล้วมากกว่า 300,000 ชิ้น บางนิทรรศการก็มีให้ชมตลอดปี แต่บางนิทรรศการก็จะมีเพียงชั่วคราว และสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ หรือใครที่ไม่สะดวกเดินทาง เขาก็มีนิทรรศการออนไลน์ให้ชมเช่นกัน
14. ถนนคนเดินชุนซีลู่ (Chunxi Road Pedestrian Street)
วัยรุ่นอย่าเพิ่งเบื่อกัน เพราะนอกจากธรรมชาติและวัดวาอารามแล้ว เฉิงตูก็มี ถนนคนเดินชุนซีลู่ แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังที่รวมห้างสรรพสินค้า และร้านรวงมากมายกว่า 700 ร้าน เป็นถนนขนาดใหญ่ที่ไม่ให้รถวิ่งผ่าน คล้ายสยามสแควร์บ้านเรา มีสินค้าแบรนด์เนม ทั้งแบรนด์จีน และแบรนด์ต่างประเทศ เสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า กระเป๋า ของใช้ต่างๆ ละลายเงินหยวนได้รวดเร็วมาก ส่วนของกินก็เยอะไม่แพ้กัน ใครอยากชิมเมนูเด็ดๆ หรือ เมนูอาหารเสฉวนขึ้นชื่อ หาได้ที่นี่เลย
15. ซอยควานจ๋าย (Kuan Zhai Alley)
ซอยควานจ๋าย ถนนสุดโรแมนติกที่ยังคงอนุรักษ์เสน่ห์และวิถีชีวิตของชาวเฉิงตูในสมัยโบราณเอาไว้ ผสมผสานกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว แบ่งออกเป็น 3 ซอย ได้แก่ ซอยจ๋าย (Zhai Alley), ซอยควาน (Kuan Alley) และซอยจิ้ง (Jing Alley) ซึ่งมีความกว้างและแคบแตกต่างกัน จึงเป็นที่มาของชื่อซอยกว้างซอยแคบ โดย “ควาน” ในภาษาจีนแปลกว่ากว้าง ส่วน “จ๋าย” ก็แปลว่าแคบนั่นเอง อาคารบ้านเรือนในย่านนี้มีอายุมากกว่า 1,000 ปี อดีตเป็นย่านที่อยู่อาศัยของนายทหารระดับสูง ปัจจุบันถูกปรับปรุงให้เป็นร้านค้า ร้านน้ำชา ร้านขายของกิน ของที่ระลึก งานศิลปะ มีโรงละคร และพิพิธภัณฑ์ด้วย
15 พ.ย. 2567